การตรวจสอบรถที่เคยจมน้ำนั้นสำคัญมาก เพราะแม้ภายนอกจะดูสะอาดเรียบร้อยดี แต่ภายในอาจมีปัญหาซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งหากซื้อไปใช้งานอาจเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสองจึงควรตรวจสอบด้วยว่ารถเคยจมน้ำมาหรือเปล่า
รถที่เคยจมน้ำมักจะมีกลิ่นอับชื้น หรือกลิ่นของสารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด (เช่น กลิ่นคลอรีน) พร้อมทั้งตรวจสอบบริเวณจุดอับสายตาที่มองเห็นยาก เช่น ใต้เบาะนั่ง หรือในช่องเก็บของต่างๆ ว่ามีรอยสนิมหรือร่องรอยของการกัดกร่อนหรือไม่
ตรวจสอบตามซุ้มล้อ บริเวณใต้ท้องรถ และช่องว่างต่างๆ ว่ามีรอยน้ำท่วมหรือรอยดินเลนติดอยู่หรือไม่ จากนั้นตรวจสอบตามซอกหลืบต่างๆ เพื่อหารอยสนิมหรือร่องรอยของการกัดกร่อน อีกทั้งรถที่ผ่านการทำสีเนื่องจากน้ำท่วม สีรถอาจดูไม่สม่ำเสมอ หรือมีรอยด่างที่เกิดจากการซ่อมแซมหลังจากน้ำท่วม
ตรวจสอบบริเวณสายไฟต่างๆ ว่ามีรอยน้ำกัดกร่อนหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจหารอยสนิมตามซอกมุมต่างๆ ภายในห้องเครื่องยนต์ หากพบว่ามีสนิมในจุดที่ผิดวิสัย ให้สันนิษฐานก่อนว่ารถอาจเคยจมน่ำมา
หากเป็นไปได้ควรขอเอกสารประวัติการซ่อมรถจากเจ้าของเดิม เพื่อตรวจสอบว่ามีการซ่อมแซมส่วนใดไปแล้วบ้าง โดยรถที่เคยจมน้ำมามีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกเปลี่ยนเครื่องยนต์ หากรถที่อายุไม่เก่ามาก แต่เคยผ่านการเปลี่ยนเครื่องยนต์มาแล้ว อาจสันนิษฐานได้ว่าเคยจมน้ำมาก่อน (สามารถตรวจสอบได้จากหน้า 18 ในสมุดคู่มือจดทะเบียน)
รถที่เคยผ่านการจมน้ำอาจพบว่ามีปัญหาที่แก้ไม่จบ เช่น สายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด ทำให้ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ มีอาการรวน มีไฟโชว์แบบไม่ทราบสาเหตุ และหากมีการผุกร่อนของโครงสร้างตัวถัง จะทำให้ประสิทธิภาพในการซับแรงลดลง หากประสบอุบัติเหตุอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้
ดังนั้น หากคิดจะซื้อรถยนต์มือสองช่วงนี้ นอกจากจะต้องดูสภาพว่าไม่เคยพลิกคว่ำ ชนหนัก หรือตัดต่อตัวถังมาก่อนแล้ว ควรตรวจเช็กว่าเคยผ่านการจมน้ำมาก่อนด้วยหรือไม่ จะได้ไม่เกิดปัญหาปวดหัวตามมาในภายหลังครับ