ขั้นตอนแรกของการกำจัดกลิ่นรถใหม่ คือการแกะแผ่นพลาสติกใสที่หุ้มอยู่บนเบาะ แผงควบคุม และประตูด้านในของรถออกให้หมด เนื่องจากแผ่นใส ๆ เหล่านี้จะกักเก็บกลิ่นพลาสติก สารเคมี และกลิ่นกาวเอาไว้ แถมเมื่อโดนแดดจะยิ่งส่งกลิ่นที่รุนแรงขึ้นอีกด้วย
หลายคนชื่นชอบ กลิ่นรถใหม่ มาก ๆ พอเข้าไปในรถยนต์แล้วได้กลิ่นนี้จะรู้สึกฟินทันที แต่บางคนกลับบอกว่ากลิ่นรถใหม่ ปวดหัว และทำให้แสบจมูก ด้วยเหตุนี้ในต่างประเทศจึงมีการวิจัยเกิดขึ้น ผลปรากฏว่า กลิ่นรถใหม่เต็มไปด้วยสารเคมีมากกว่าร้อยชนิด หาดสูดดมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หายใจติดขัด และระคายเคืองตามผิวหนัง พร้อมแนะนำให้รีบกำจัดออกโดยเร็วที่สุด
การจอดรถตากแดด เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมาก ๆ โดยเปิดหน้าต่างรถไว้ประมาณ 2-3 นิ้ว แล้วทิ้งรถไว้กลางแดดสัก 2 ชั่วโมง (ควรจอดในพื้นที่ส่วนตัวและปลอดภัย) พออากาศร้อนขึ้น กลิ่นสารเคมีจากวัสดุตกแต่งภายในจะค่อย ๆ ระเหยออกมา และระบายออกทางหน้าต่างทันที
ช่วงแรก ๆ ระหว่างขับรถ แนะนำให้กดปุ่มเปิดช่องรับลมจากภายนอก เพื่อให้อากาศในรถไหลเวียนได้ดี ลดการสะสมของกลิ่นพลาสติกและสารเคมี แต่มีข้อควรระวังตรงที่กลิ่นไม่พึ่งประสงค์จากสภาพแวดล้อมจะเข้ามาในรถแทน เช่น กลิ่นควัน กลิ่นน้ำเสีย ฯลฯ ฉะนั้นหลีกเลี่ยงการเปิดช่องรับลมขณะเดินทางในเมืองจะดีกว่า
เนื่องจากกลิ่นของรถยนต์ใหม่เกิดจากชิ้นส่วนพลาสติกภายในรถยนต์ การทำความสะอาดและเช็ดพื้นผิวพลาสติกจึงสามารถช่วยกำจัดกลิ่นได้ โดยใช้ผ้าชุบน้ำที่ผสมกับ สบู่ หรือน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีส่วนผสมของสารฟอกขาว (เพื่อป้องกันการเกิดรอยด่างตามชิ้นส่วนต่าง ๆ) เช็ดให้ทั่วตามแดชบอร์ด คอนโซลที่เป็นพลาสติก และฝั่งด้านในประตู จากนั้นใช้น้ำเปล่าเช็ดซ้ำอีกครั้ง
ตอนนี้กลิ่นรถใหม่น่าจะหายไปพอสมควรแล้ว แต่เอาให้ชัวร์ต้องใช้วัสดุดูดซับกลิ่นเข้ามาช่วย โดยการนำ ถ่านไม้หรือกากกาแฟ ใส่กล่องแล้วเจาะรูไปวางไว้ใต้เบาะนั่งสัก 1-2 สัปดาห์ อีกวิธีคือใช้เบกกิ้งโซดาหรือน้ำส้มสายชู ใส่ถ้วยแล้วนำไปไว้ภายในรถ 1 คืน สิ่งเหล่านี้จะมีคุณสมบัติดูดกลิ่นกวนใจให้หมดไป
เมื่อกำจัดกลิ่นรถใหม่จนหมด ขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องใส่กลิ่นที่เราชอบเข้าไปแทน สามารถทำได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็น วางกล่องปรับอากาศ, การฉีดสเปรย์ปรับอากาศกลิ่นต่าง ๆ , แขวนถุงการบูร หรือใครชอบกลิ่นอะไรก็นำมาวางได้ตามใจชอบเลย แต่อย่าลืมเปลี่ยนตอนหมดอายุด้วยล่ะ ไม่งั้นอาจกลายเป็นตัวสร้างกลิ่นเหม็นในภายหลัง